SCI ตั้งเป้าโกยกำไรในปี 62 หลังสตาร์ทเครื่องโรงงานผลิตเสาไฟฟ้าแรงสูงที่เมียนมา

บิ๊กบอส SCI “เกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล” คาดปี 62 ผลงานเติบโต หลังเริ่มเดินเครื่องโรงงานเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในเมียนมา

นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/2561 ว่า โดยรวมบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 329.24 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 7.21 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการตั้งโรงงานที่พม่าและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ ประมาณ 350 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2562

” มั่นใจว่าแนวโน้มในปี 2562 ธุรกิจจะเติบโตขึ้นหลังจากโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคม กำลังการผลิตเสาที่ 7,500 ตันต่อปี และชุบสังกะสีที่ 2.4 หมื่นตันต่อปี ในประเทศเมียนมาเริ่มเดินเครื่องอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้ ที่ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปีหน้า”

นายเกรียงไกร เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในเมียนมามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเร่งขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งภาคเอกชนก็เร่งขยายเครือข่ายโทรคมนาคมให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดย SCI ได้จับมือกับพันธมิตรในเมียนมา และจีน เพื่อพัฒนาโครงการสายส่งร่วมกัน หากสามารถเจาะตลาดในเมียนมาได้สำเร็จ SCI จะกลายเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้รับเหมา มีรายได้ที่เกื้อหนุนกันผลักดันผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต

“ทิศทางธุรกิจในปี 2562 มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างแน่นอนหลัง จากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขยายการลงทุน เพื่อรองรับการเติบโต ทั้งที่มาจากธุรกิจในประเทศเมียนมา ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี และมาจากส่วนแบ่งกำไรที่เกิดขึ้นจากการลงทุนผ่าน TU ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายไฟให้กับโรงงานอุตสาหกรรม”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCI เผยว่า ความคืบหน้าในการขยายการลงทุนผ่านบริษัท ทียูทิลิตี้ส์ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่าง SCI และบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF โดย SCI ถือหุ้น 45 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลงทุนในพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีโครงการที่ได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับโรงงานอุตสาหกรรมไปแล้ว 4 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างทยอยจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยติดตั้งในปีนี้และปี 2562