ASIMAR แย้มH2/60 ผลงานสวยจ่อประมูลงานใหม่เพิ่ม Q1/60 รายได้งานต่อเรือเพิ่ม 100% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน

ASIMAR เดินหน้าสร้างผลงานครึ่งปีหลัง 2560 หลังจ่อประมูลงานใหม่เพิ่มอีก ปัจจุบันตุนงานในมือกว่า 260  ล้านบาท เตรียมเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มอีก  “สุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์” เอ็มดีหนุ่ม เผยเดือน พ.ค.60  พร้อมเปิดอู่ต่อเรือที่จ.สุราษฎร์ธานี อย่างเป็นทางการ เพื่อขยายงานและรองรับงานต่อเรือในโซนภาคใต้ พร้อมทั้งลุยขยายธุรกิจด้านงานโครงสร้างเหล็ก  หนุนรายได้ปีนี้เติบโตแข็งแกร่ง 15-20% ล่าสุดเผยงบไตรมาสแรกปีนี้รายได้รวมโต 25.47% โดยรายได้ส่วนงานต่อเรือเพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 4.06 ล้านบาท

นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยถึงผลประกอบการในงวดไตรมาส 1/2560 ว่าบริษัทฯและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 4.06 ล้านบาท ลดลง 1.61 ล้านบาท หรือลดลง 28.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.67 ล้านบาท  โดยมีรายได้รวม  141.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.47% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 112.50 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากงานซ่อมเรือ 89.40 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8.40 ล้านบาท หรือ 8.59% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ลูกค้าควบคุมงบซ่อมเรือ ส่งผลให้มูลค่าการซ่อมเรือต่อลำลดลง ท่ามกลางการแข่งขันสูงขึ้นระหว่างอู่เรือ

ขณะที่มีรายได้จากงานต่อเรืออยู่ที่ 47.20 ล้านบาท มีงานโครงการต่อเรือที่รับรู้รายได้จากอัตราส่วนของงานที่ทำสำเร็จ 2 โครงการ คือ โครงการเรือลากจูงกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 50 เมตริกตัน ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และโครงการต่อเรือลำเลียงขนาด 2,500 เดทเวทตัน จำนวน 6 ลำ ของบริษัท วีรวรรณ จำกัด ซึ่งเรือลำที่ 1-4 รับรู้รายได้ครบทั้งโครงการ 100% ในส่วนเรือลำที่ 5-6 รับรู้รายได้สะสม 42.66% โดยในไตรมาส 1 ได้ส่งมอบเรือลำที่ 1-2 เรียบร้อยแล้ว ทำให้ในไตรมาส 1/60 มีรายได้ส่วนงานต่อเรือเพิ่มขึ้น 100% เนื่องจากในไตรมาส 1/59 ไม่มีการรับรู้รายได้ส่วนงานต่อเรือ

ตลาดต่อเรือในปีนี้ยังค่อนทรงตัว โดยบริษัทได้งานต่อเรือขนาดใหญ่เพียง 1 ลำเท่านั้น ปัจจุบันมี Backlog ในมือ 260 ล้านบาท ที่จะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้ ขณะที่บริษัทยังมีศักยภาพงานต่อเรือของภาคเอกชนและรัฐบาลที่เตรียมจะเปิดในปีนี้คิดเป็นมูลค่าราว 400-500 ล้านบาท แต่คาดว่าทั้งหมดจะเริ่มเห็นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

นอกจากนั้น บริษัทมองโอกาสรับงานต่อเรือเฟอร์รี่ของภาคเอกชน มูลค่าราว 240 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเปิดประมูลและรู้ผลได้ในช่วงไตรมาส 3/60 หากได้งานน่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 50-70 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปีหน้า ส่วนงานต่อเรือของภาครัฐบาล คาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงปลายปี อาจจะเป็นเรือขนาดไม่ใหญ่มากนัก และการแข่งขันก็มีมากขึ้น

“ASIMAR จะกลับมามีผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากอู่เรือใหม่ใน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการเมื่อปลายปี 59  และจะเปิดอู่เรือใหม่อย่างเป็นทางการในช่วงเดือน พ.ค.60 นี้ ได้เริ่มทยอยรับเรือในโซนพื้นที่ภาคใต้เข้ามาซ่อมอย่างต่อเนื่องและมีรายได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในอีก 7 ปี แต่หากมีปริมาณเรือเข้ามาใช้บริการทั้งในส่วนงานซ่อมและงานต่อเรือจำนวนมาก จะช่วยผลักดันผลประกอบการในปีนี้ด้วย และอาจจะทำให้ถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น และยังมองเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโต 15-20% ”  นายสุรเดช กล่าว

นายสุรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะให้ความสำคัญกับงานโครงสร้างเหล็ก โดยเฉพาะเข้าไปรับช่วงงานโครงสร้างเหล็กของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ เพื่อขยายฐานรายได้จากธุรกิจหลักซึ่งยังไม่ฟื้นตัว และแข่งขันสูง ขณะเดียวกันจะได้ใช้ประโยชน์จากบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญงานโครงสร้างเหล็กได้อย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาบริษัทเคยมีผลงานจากงานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิเฟสแรก และมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลงานจากผู้รับเหมาช่วง เพื่อทำงานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิในเฟสที่ 2 ที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการในเร็ววันนี้ด้วย