L&E ขยายธุรกิจสู่ประเทศเพื่อนบ้าน

นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายและบริการเติบโตขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,936 ล้านบาท

ปัจจุบันมี Backlog อยู่ที่ประมาณ 900 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ และอยู่ระหว่างเข้าประมูลงานโครงการอย่างต่อเนื่องอีก นอกจากนี้บริษัทพร้อมรุกตลาด AEC เต็มกำลัง โดยเฉพาะในประเทศกลุ่ม CLMV ทั้ง กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง และคาดว่าจะสนับสนุนให้สัดส่วนงานในต่างประเทศของบริษัทฯ เติบโตขึ้นเป็น 12 เปอร์เซ็นต์ ในอีก 2 ปีข้างหน้าจากปี 2559 อยู่ที่ 7เปอร์เซ็นต์ ของรายได้จากการขายและบริการได้

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเวียดนามคาดว่าจะแล้วเสร็จเร็วๆนี้โดยเป็นการลงทุนเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ เวียดนาม เพื่อเปิดสำนักงาน โชว์รูมสินค้า คลังสินค้า และโรงงานผลิต

การขยายตลาดเวียดนามในครั้งนี้ บริษัทเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ รวมทั้งลูกค้าของบริษัทที่เข้าไปลงทุนในประเทศดังกล่าว อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล, กลุ่มซีพี และกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย จะสามารถซื้อสินค้าและบริการจากL&E ได้อย่างครบครัน โดยใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท นำไปใช้ตกแต่งสำนักงาน และซื้อเครื่องจักรส่วนหนึ่ง

“การรุกตลาดเวียดนามครั้งนี้ เป็นโมเดลในลักษณะใกล้เคียงกับการจัดตั้งบริษัทย่อยในเมียนมา แต่ขยายใหญ่กว่า เนื่องจากเมียนมาเป็นการจัดตั้งออฟฟิศสำนักงาน ไม่มีโรงงานผลิต เพราะเราเล็งเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดเวียดนามที่กำลังขยายตัว มีความต้องการใช้สินค้า L&E มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมองว่า คุ้มค่าในการลงทุนแน่นอน และมั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจแสงสว่างรายใหญ่ของภูมิภาคอาเซียนได้เป็นอย่างดี” นายปกรณ์ กล่าว

สำหรับตลาดในเมียนมามีการเติบโตที่ดี และเป็นตลาดหลักของบริษัทแต่คาดว่าหลังจากบริษัทย่อยในเวียดนามเสร็จสิ้น จะสามารถสร้างรายได้ขึ้นมาใกล้เคียงกับเมียนมาได้ ส่วนลูกค้าในประเทศลาวและกัมพูชา ยังมีการส่งออกสินค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีการลงทุนใด ๆ เพิ่มเติมนอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดสำนักงานตัวแทนขายที่ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียเพิ่มเติมในปีนี้ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอจดทะเบียน