PTT กวาดรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่น ด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปี 60 ย้ำชัดมุ่งปลูกจิตสำนึกความปลอดภัยกับชุมชน – เยาวชน
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ผู้ดำเนินงานด้านพลังงานของไทยที่แปรรูปมาจาก การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งมาจากการรวมกิจการพลังงานของรัฐทั้ง 2 องค์กร คือองค์การเชื้อเพลิงและองค์การก๊าซธรรมชาติแห่งประเทศไทย ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ำมันปิโตรเลียมครบวงจร และธุรกิจปิโตรเคมีที่เน้นการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก และถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับที่ 95 จาก 500 ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก
ด้านมาตราฐานการทำงานบริษัทยึดถือความปลอดภัยมาตรฐานคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมเป็นนโยบายหลักในทุกขั้นตอนการ ปฏิบัติงาน พร้อมสร้างความมั่นใจและกระตุ้นจิตสำนึกความปลอดภัยแก่ชุมชนและเยาวชนส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2560 ในระดับประเทศ โดย ปตท.คลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับรางวัลเป็นปีที่ 21 ติดต่อกันและถูกจัดอยู่ในระดับ แพลทินัม ซึ่งถือเป็นสถานีที่ได้รับรางวัลติดต่อกันมากที่สุดของบริษัท รองลงมาคือคลังปิโตรเลียมลำปาง จ.ลำปางได้รับรางวัลติดต่อกันเป็นปีที่ 18 จัดอยู่ในประเภทรางวัลแพลทินัม อันดับ 3 คือ คลังน้ำมันพิษณุโลก จ.พิษณุโลก ได้รับรางวัลติดต่อกันเป็นปีที่ 17 จัดอยู่ในประเภทรางวัลแพลทินัม เช่นกัน
อย่างไรก็ตามยังมี ปตท.ศูนย์ปฎิบัติการชลบุรี,คลังน้ำมันพระขโนง,คลังน้ำมันภูเก็ต,คลังน้ำมันนครสวรรค์,ศูนย์ปฎิบัติการระบบท่อเขต 5,เขต3,เขต2,เขต6,สถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลักสาขาน้ำพอง และอื่นๆที่ได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปี 60 นี้ด้วย
ทั้งนี้ ปตท.ได้จัดงานวันความปลอดภัย สายปฏิบัติการคลังปิโตรเลียม หน่วยธุรกิจน้ำมัน ครั้งที่ 26 ประจำปี 2560 หรือ Safety day ของ ปตท. ณ คลัง ปตท. ทั่วประเทศ
นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตเลียมขั้นปลาย เปิดเผยว่า “ปีนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ ปตท. ได้จัดงานวันความปลอดภัยฯ ณ คลังปิโตรเลียมนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ในครั้งนี้ เพื่อย้ำเตือนถึงความปลอดภัยซึ่งเป็นหัวใจหลักในการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติงาน เพราะชุมชนรอบสถานปฏิบัติการเป็นเสมือนดั่งครอบครัวของ ปตท. บริษัทพลังงานแห่งชาติของคนไทย ที่มุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน
ในปีนี้นอกเหนือจากที่ได้รับรางวัลความปลอดภัยแล้ว บริษัทยังได้รับรางวัลสุดยอดบริษัทการตลาดแห่งเอเชียประจำปี 2017 อีกด้วย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าา การได้รับรางวัลสุดยอดบริษัทการตลาดแห่งเอเชียประจำปี 2017 ในครั้งนี้ได้มาจากความสำเร็จในการเป็นบริษัทน้ำมันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องผ่านการดำเนินงานด้านการตลาดที่เป็นเลิศโดยหน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท. ซึ่งได้กำหนดกลยุทธ์ให้สถานีบริการน้ำมันเป็น Platform ให้กับธุรกิจอื่นๆสามารถต่อยอดพัฒนาธุรกิจนอกเหนือจากการขายน้ำมัน เพื่อตอบสนองความต้องการแตกต่างกันของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนเป็นศูนย์กลางของชุมชน มุ่งสร้าง Living Communities เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ สร้างความเข้มแข็งของชุมชน และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนให้ดีขึ้นและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ปตท.ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติได้ดำเนินธุรกิจตามยุทธศาสตร์การสร้างองค์กรแห่งความภาคภูมิใจและเป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทย เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศควบคู่กับการสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ที่มีส่วนได้เสีย และยังคงพัฒนา เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศให้กับผู้บริโภค เพื่อสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นแบรนด์แห่งความเชื่อมั่น และเป็นที่รู้จักในเวทีสากล ผ่านการพัฒนานวัตกรรมทั้งทางด้านการตลาดและพลังงาน
ส่วนของการพัฒนานายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมลงทุนในกองทุนด้านเทคโนโลยีพลังงานผ่าน บริษัท Energy Impact Partners LP หรือ EIPของสหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ รวมทั้งได้เข้าร่วมในเครือข่ายนักลงทุน Nexus Strategic Partner ซึ่งประกอบด้วยบริษัทพลังงานชั้นนำรายใหญ่จากหลากหลายประเทศ เพื่อร่วมกันเฟ้นหานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และรูปแบบใหม่ของธุรกิจพลังงานในอนาคต
“การร่วมลงทุน กับ EIP และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายนักลงทุน Nexus Strategic Partner ซึ่งมุ่งเน้นในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานให้ดีขึ้นนั้น เป็นโอกาสที่ดีให้ ปตท. ได้ร่วมมือกับบริษัทพลังงานชั้นนำต่างชาติ เพื่อนำผลิตภัณฑ์หรือรูปแบบธุรกิจใหม่ในด้านพลังงานมาสร้างประโยชน์และความยั่งยืนให้แก่ประเทศไทย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป”นายเทวินทร์ กล่าว